
อัปเดต พายุ เฟิงเฉิน ฉบับที่ 4 เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (20 ต.ค. 68) พายุโซนร้อน เฟิงเฉิน ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.6 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.4 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นอีกและจะเคลื่อนเข้าใกล้ตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 22-23 ต.ค. หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตามลำดับ เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบน ในช่วงวันดังกล่าว โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
จากอิทธิพลของพายุ เฟิงเฉิน ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 23–24 ต.ค. 68 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากมีร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก
ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกพรรคก้าวไกล และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มักแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
ในโพสต์ระบุว่า อมรัตน์กล่าวถึงกรณีของ กัน และ ไอซ์ ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่มีบทบาทด้านสังคม โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการทำงานและมุมมองทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย โดยระบุว่า
ในโพสต์ระบุว่า กัน ทำงานแบบสังคมสงเคราะห์เน้นใช้ Connection ส่วนตัว เลยอยู่ในวังวนของระบบบุญคุณ & ระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้สนใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่เน้นทำความดีด้วยการช่วยเป็นเรื่อง ๆ ไป
พอมีชื่อเสียงก็เริ่มเสียงดัง วิพากวิจารณ์อะไรในภาพใหญ่แบบคนไม่รู้เรื่องความละเอียดอ่อนของการเมืองระหว่างประเทศ ไม่เข้าใจงานของนักสิทธิมนุษยชน แบบที่กันไปวิจารณ์คุณอังคณา นีละไพจิตร
ไอซ์ เข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างมากกว่า รู้ว่าต้นตอปัญหาอยู่ตรงไหน ทำตรงไหนจะเกิดประโยชน์มากกว่า เลยไปคาดหวังเรื่องที่กันไม่เข้าใจ ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นหน้าที่ตัวเอง ซึ่งเอาจริง ๆ กันก็ไม่ได้ผิดอะไร
ซึ่งถ้าได้คุยกัน ทั้งสองคนนี้ก็เก่งและพลังเยอะทั้งคู่ สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ภาพใหญ่ของไอซ์ และประสบการณ์ภาคสนาม ของกัน สร้างประโยชน์ร่วมกันได้มาก
