ณ วัดเจริญสูง บ้านหนองหญ้าข้าวนก ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ พบหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ชาวบ้านและญาติได้มาเตรียมสถานที่เพื่อรอรับร่าง ส.อ.กัมปนาท ทองแสง สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ที่พลีชีพในสมรภูมิรบตาพระยา จ.สระแก้ว
ซึ่งบรรยากาศที่วัดก็มีการนำรถดับเพลิงใส่น้ำมาฉีดล้างทำความสะอาดเมรุและศาลา เพื่อเตรียมรับร่างที่จะมาถึงในช่วงบ่ายวันนี้ ด้านป้าของ ส.อ.กัมปนาท เผยว่า ตนได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าของหลาน โทรมาบอกว่าหลานได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบและขอเบอร์แม่ของหลาน ซึ่งทำงานอยู่ที่ภูเก็ต กระทั่งต่อมาแม่ของหลานได้โทรกลับมาบอกว่าหลานเสียชีวิตแล้ว ตนและแม่หลานจะขอนำร่างมาทำบุญที่วัดดังกล่าว
หลานชายคนนี้จับได้ใบแดงที่อำเภอคอนสวรรค์ ไปรับใช้ชาติเป็นทหารกองประจำการ ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับแม่และป้าที่บ้านหนองหญ้าข้าวนก ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ และสอบเข้ารับราชการทหาร ในสังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งหลานยังไม่มีครอบครัว
โดยตนได้คุยกับหลานล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีลางสังหรณ์ หลานเคยบอกว่าหากมีใครโทรมา อย่าตกใจนะ เมื่อทราบข่าวตนก็เป็นลมแทบช็อก รู้สึกเสียใจ แต่ก็ภูมิใจที่หลานได้ปกป้องประเทศชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว หลานก็ได้โทรคุยกับแม่ และได้สั่งเสีย บอกกับแม่ว่ามีสิ่งของหรือทรัพย์สินอยู่ที่ใดบ้าง

เปิดภาพบ้าน พลทหารวุ้น วีรบุรุษเนิน 350 ป้าเล่านาทีหลานชายมาเข้าฝัน
จากสถานการณ์การปะทะอย่างรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่สมรภูมิเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ส่งผลให้กองทัพไทยสูญเสียกำลังพลเพิ่มอีก 2 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอกเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา หรือ พลทหารวุ้น สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถยึดพื้นที่คืนและลำเลียงร่างออกมาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ
สำหรับร่างของพลทหารภานุพัฒน์ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ญาติได้นำมาบำเพ็ญกุศลที่วัดกลาง ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ธันวาคม 2568
ล่าสุดเช้าวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของพลทหารภานุพัฒน์ ที่บ้านตาเม็ง ตำบลห้วยติ๊กชู อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พบว่าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพทรุดโทรม โดยมีนางอุไร ทัคเก้อ อายุ 45 ปี ผู้เป็นป้า กำลังจุดธูปเทียนบอกกล่าวดวงวิญญาณ และเก็บรวบรวมเสื้อผ้า รวมถึงรองเท้าคู่โปรดของหลานชายที่เคยบอกว่าใส่สบาย เหมาะสำหรับการปฏิบัติภารกิจในสนามรบ
นางอุไร เปิดเผยว่า ตนกับหลานชายสนิทสนมกันมาก ทุกครั้งที่หลานกลับจากปฏิบัติหน้าที่จะมาพักผ่อนที่บ้าน หลานเป็นคนเข้มแข็ง และมักพูดเสมอว่าจะต่อสู้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย โดยก่อนหน้านี้เคยเล่าให้ฟังว่า เคยรอดชีวิตจากเหตุถูกกระสุนยิงเฉียดศีรษะมาแล้วครั้งหนึ่ง
ผู้เป็นป้าเล่าด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม หลานชายได้มาเข้าฝันในคืนวันที่ 20 ธันวาคม บอกว่าถูกยิงเข้าที่หน้าอกจนหมดสติ และบอกว่า หากกองทัพไทยสามารถยึดเนิน 350 ได้สำเร็จ จึงจะพบร่างของตน เพราะต้องอยู่ช่วยเพื่อนทหารต่อสู้จนภารกิจเสร็จสิ้น กระทั่งต่อมามีรายงานว่าสามารถยึดพื้นที่คืนได้และพบร่างของหลานจริง ตนรู้สึกทั้งดีใจและภูมิใจที่หลานชายได้ทำหน้าที่จนวาระสุดท้าย และกลายเป็นวีรบุรุษของคนไทย

ด้านนายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ติดตามสถานการณ์สู้รบและการช่วยเหลือผู้อพยพว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพบ้านพักของพลทหารภานุพัฒน์แล้ว เพื่อพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เพื่อดูแลครอบครัวของผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติต่อไปอย่างเหมาะสมและสมเกียรติ
